โอ้โห!>>>Dowดาว ชวนปลูกต้นไม้และป่าชายเลนเพื่อลดโลกร้อน
โลกร้อนส่งผลวิกฤติภัยแล้งในรอบ 20 ปี ดร.สนใจ หะวานนท์ ผู้เชี่ยวชาญป่าชายเลนจากกรมทรั พยากรทางทะเลและชายฝั่ง ชวนปลูกต้นไม้ลดโลกร้อนรวมทั้ งปลูกป่าชายเลน เพราะสามารถกักเก็บคาร์บอนฯ ได้มากกว่าป่าบกในพื้นที่เท่ากั น
นักวิทยาศาสตร์ทำนายว่าปี 2563 อุณหภูมิของโลกจะสูงขึ้น 0.5-1 องศาเซลเซียส ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเปลี่ ยนแปลงสภาพภูมิ อากาศของประเทศไทยทำให้ฝนตกน้ อยลง ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศว่ าปีนี้ประเทศไทยจะเผชิญกับภั ยแล้งที่รุนแรงมากที่สุดในรอบ 20 ปี ปริมาณน้ำฝนจะต่ำกว่าค่าปกติถึง 2-3 % ส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนปีนี้ น้อยกว่าปีที่แล้วประมาณ 14 % ส่วนที่กระทบหนักที่สุดคือพื้ นที่เพาะปลูกพืชในหลายจังหวัดซึ่ งอาจขาดแคลนน้ำในการเกษตรกรรม ในขณะที่บางพื้นที่ซึ่งไม่ต้ องการน้ำฝนมากกลับประสบปัญหาน้ำ ท่วม
จากการศึกษาเกี่ยวกับการแก้ไขปั ญหาสภาวะโลกร้อน นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากมี ความเห็นว่าการปลูกต้นไม้เป็ นหนทางแก้ไขที่สำคัญ ซึ่งถ้าช่วยกันปลูกต้นไม้ทั่ วโลกจำนวน 1.2 ล้านล้านต้น จะช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจกที่ ก่อให้เกิดโลกร้อนที่มนุษย์ได้ สร้างเอาไว้ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาได้ แม้เป็นการยากที่จะปลูกต้นไม้ ปริมาณมากขนาดนั้นในระยะเวลาอั นสั้น แต่ก็ยังมีข่าวดีคือถ้ามาช่วยกั นปลูกป่าชายเลนจะสามารถช่ วยในการดูดซับก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าป่าอื่ นในพื้นที่เท่ากัน และยังช่วยสะสมคาร์บอนในดินได้ ยาวนานและมากกว่าป่าบกหลายเท่ าตัว
ดร.สนใจ หะวานนท์ ซึ่งศึกษาวิจัยเรื่องป่ าชายเลนในหลายประเทศมากว่า 40 ปี เผยถึงผลการวิจัยเรื่องป่ าชายเลนซึ่งร่วมโครงการกับกรมป่ าไม้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และบริษัท คันไซ อิเลคทริค เพาเวอร์ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2543 และได้ผลสรุปในปี 2547 ว่าถ้าเปรียบเทียบด้ านการสะสมคาร์บอนไดออกไซด์ระหว่ างป่าชายเลนกับป่ าบกโดยกระบวนการสังเคราะห์แสงที่ ต้องใช้คาร์บอนไดออกไซด์และปล่ อยออกซิเจนออกมา พบว่าป่ าชายเลนของประเทศไทยสะสมก๊ าซคาร์บอนไดออกไซด์เหนือพื้นดิ นได้ 27.1 ตันต่อเฮกตาร์ (6.25 ไร่) และสะสมในดิน 16.9 ตันต่อเฮกตาร์ รวมแล้ว 44.0 ตันต่อเฮกตาร์ ประมาณการณ์ได้ว่าป่ าชายเลนของประเทศไทยประมาณ 1.5 ล้านไร่ หรือประมาณ 0.24 ล้านเฮกแตร์ สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ประมาณ 11 ล้านตันต่อปี สำหรับป่าดิบชื้น International Panel on Climate Change) (IPCC) ได้ให้ข้อมูลเฉพาะการดูดซับคาร์ บอนไดออกไซด์ของต้นไม้เหนือพื้ นดินว่า โดยเฉลี่ย 20.2 ตันต่อเฮกตาร์
“แต่ถ้าในส่วนของการสะสมคาร์ บอนที่อยู่ในดินแล้ว ป่าชายเลนจะมีมากกว่าป่าบกถึง 6 เท่าตัว เนื่องจากป่าบกสะสมคาร์บอนในดิ นได้เพียงประมาณ 200 ตันเท่านั้น ขณะที่การศึกษาที่อ่าวท่าคา-สวี จังหวัดชุมพร ในปี 2542 พบว่าป่าชายเลนสามารถสะสมคาร์ บอนฯ ที่บริเวณดินเลนลึกลงไปได้อีกถึ ง 1,200 ตันต่อเฮกตาร์ เนื่องจากในชั้นดินเลนมี การสะสมธาตุคาร์บอนต่าง ๆ จากการทับถมของอินทรียวัตถุทั้ งหลายได้เป็นเวลานาน และถ้าเป็นป่าชายเลนที่ปลูกเป็ นต้นไม้ขนาดใหญ่สูงประมาณ 30 เมตร จะเก็บปริมาณคาร์บอนเพิ่มขึ้ นได้อีก 200 ตันต่อเฮกตาร์ นี่คือเหตุผลว่าป่ าชายเลนสามารถกักเก็บคาร์บอนได้ มหาศาล”
ป่าชายเลนเป็นแหล่ งรวมความหลากหลายของพรรณไม้ซึ่ งมีคุณสมบัติช่วยดูดซับคาร์ บอนไดออกไซด์ในอากาศเพื่อไปสั งเคราะห์แสงได้มากกว่าป่ าบกในหน่วยพื้นที่เท่ากัน จากการวิจัยที่ปากแม่น้ำท่าจี นพบว่าไม้แต่ละสายพันธุ์จะมีคุ ณสมบัติดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ต่างกัน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์การเลือกพั นธุ์ไม้ที่จะใช้ปลูกป่าชายเลนดั งนี้ ในพื้นที่ 1 ไร่ ถ้าปลูกไม้แสมสามารถดูดซับคาร์ บอนไดออกไซด์ได้ปีละ 7.49 ตัน ไม้โกงกางดูดซับคาร์บอนฯได้ปีละ 6.22 ตันและไม้ตะบูนสามารถดูดซับคาร์ บอนฯ ได้ 4.14 ตันต่อปี ซึ่งไม้โกงกางและตะบูนมีอายุยื นกว่า 100 ปี ไม้แสมอายุประมาณ 50 ปี
แต่เดิมพื้นที่ป่ าชายเลนของประเทศไทยกินบริเวณทั้ งชายฝั่งทะเลอันดามันและชายฝั่ งทะเลอ่าวไทยเป็นพื้นที่กว้าง แต่หลายปีที่ผ่านมาป่าชายเลนถู กทำลายจากการทำนากุ้งและการบุ กรุกจึงทำให้พื้นที่ป่ าชายเลนของไทยลดน้อยลงไปมาก
ปัจจุบันกระทวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม มีนโยบายในการส่งเสริมการปลูก และอนุรักษ์ป่าชายเลนในหลายพื้ นที่ โดยได้รับความร่วมมื อจากภาคเอกชนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้ อม รวมทั้งประชาชนในท้องถิ่ นหลายแห่ง ทำให้ป่าชายเลนของไทยค่อยๆ ฟื้นคืนมา แต่ก็ยังต้องการความร่วมมืออี กมากจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการดูแลต่อเนื่อง เพราะถ้าปลูกป่าในสภาวะไม่ เหมาะสมและไม่มีการดูแล ไม่นานต้นไม้ที่ปลูกใหม่ก็จะตาย
ตัวอย่างโครงการล่าสุดที่กรมทรั พยากรทางทะเลและชายฝั่งได้หารื อร่วมกับเอกชน คือ โครงการ Dow and Thailand Mangrove Alliance ซึ่งเป็นการสร้างเครือข่ายชายฝั่ งในการอนุรักษ์ป่าชายเลนร่วมกั บกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย และ องค์การระหว่างประเทศเพื่ อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) เพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์ป่ าชายเลนอย่างครบวงจรและมีส่วนร่ วม โดยจะมีการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ ห้องเรียนมีชีวิตในป่ าชายเลนและเผยแพร่ความรู้ด้ านการคัดแยกขยะเพื่ อลดขยะทะเลโดยเริ่มต้นโครงการที่ ปากน้ำประแส จังหวัดระยอง และมีแผนจะขยายไปในอีกหลายจั งหวัด สิ่งที่แตกต่างจากโครงการอื่นๆ ก็คือจะมีการส่งเสริมกลไกคาร์ บอนเครดิตของป่าชายเลนเป็นครั้ งแรกในประเทศไทย และจะเปิดให้ให้ชุ มชนและประชาชนได้มีส่วนร่วมด้ วยภายในปีนี้
สำหรับประชาชนทั่วไป หากต้องการช่วยกันลดโลกร้อน ขอให้ช่วยกันปลูกต้นไม้ให้ได้ มากที่สุด และอย่าลืมเรื่องของการดูแลรั กษา ทำอย่างไรให้ต้นไม้ได้รับน้ำอย่ างต่อเนื่องในช่วงแรก เพราะเมื่อต้นไม้ที่ปลูกใหม่แห้ งตายหมดก่อนที่จะแข็งแรงก็จะไม่ สามารถช่วยดูดซับก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ได้ และขอให้ร่วมกันสนับสนุ นโครงการปลูกและอนุรักษ์ป่ าชายเลนให้มากๆ เพราะเป็นป่าที่ช่วยลดโลกร้ อนได้ดีที่สุด
สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลความรู้ และ ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับป่ าชายเลนในประเทศไทย สามารถติดตามได้จากเว็บไซต์ ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ งแวดล้อม www.dmcr.go.th
###
หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติ ม สามารถติดต่อได้ที่ คุณสุทธิ พงศ์ โกรทินธาคม (โจ๊ก) ฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ โทรศัพท์ 038-673315 / 081-7919626
จึงเรียนมาเพื่อโปรดประชาสัมพั นธ์
ขอแสดงความนับถือ
นายสุทธิพงศ์ โกรทินธาคม
รองผู้จัดการแผนกสื่อสารองค์กร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย
เลขที่ 8 ถนนไอสี่ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง 21150
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น